ถ้าเราจะมองว่าเมืองไหนในเมืองไทยที่ดูนานาชาติมากที่สุด กวาดตามองแผนที่สักครู่หลาย ๆ คนคงจิ้มไปที่พัทยา เมืองอันแสนคึกคักของชลบุรีเป็นแน่แท้

พัทยายังคงเป็นจุดมุ่งหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเหมือนที่ผ่านมานับหลาย 10 ปี เราจะพบผู้คนมากหน้าหลายตาจากแทบทุกชนชาติในโลกมารวมกันอยู่ที่นี่ นั่นทำให้มีร้านอาหารและร้านค้าในรูปแบบนานาชาติเกิดขึ้นมากมายในเมืองแห่งนี้

และ LANDMARK ล่าสุดที่ยิ่งตอกย้ำความเป็นนานาชาติของพัทยาก็ได้แก่ โรงแรม Grande centre point นั่นเอง

Grand center point เป็นโรงแรมใหม่ถอดด้าม ตั้งอยู่ใจกลางพัทยาเหนือ ตรงวงเวียนปลาโลมา จุดยุทธศาสตร์หลักของเมืองพัทยาเลยทีเดียว

ด้วยความสูงกว่า 32 ชั้นทำให้โรงแรมดูเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือน่านฟ้าเมืองพัทยา แต่ความสูงไม่ใช่จุดเด่นที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ แต่เป็นแนวคิดในการออกแบบที่เหมือนพาเราไปท่องโลกกว้างนี้ทั้ง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณโรงแรมนั่นเอง

ทุกส่วนของโรมแรม ถูกออกแบบโดยนำ Concept มาจากสถานที่ชื่อดังต่าง ๆ ในโลก ร้อยเรียงเป็นเรื่องราวถ่ายทอดออกมาตั้งแต่โถงต้อนรับไปจนถึงชั้นอาหารลอยฟ้าเลยทีเดียว

ภายในโรงแรมเราจะได้พบตั้งแต่โลกใต้สมุทรในแถบออสเตรเลีย ธรรมชาติผืนทะเลแถบแคลิฟอร์เนีย ออโรร่าแห่งแถบแสกน ไปจนถึงทะเลเกลือในโบลิเวีย โดยแต่ละชั้นที่ยิ่งสูงขึ้นไป ยิ่งเสมือนว่าเราขึ้นจากใต้ทะเลลึก ใกล้ผืนน้ำไปเรื่อย ๆ แค่เดินสำรวจโรงแรมก็น่าสนุกแล้ว

ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม ? ฉะนั้นตามเรามาดูกันเลยว่า แต่ละส่วนของโรงแรมนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง

RECEPTION + NEW SOUTH WALES : AUSTRALIA

ส่วนแรกและเป็นส่วนล่างสุดของโรงแรมคือบริเวณชั้น G ที่เป็นโถงต้องรับนั่นเอง แวบแรกที่เดินเข้ามา ทุกคนต่างก็ต้องสะดุดตากับเส้นสายพริ้วไหวเหมือนสายน้ำที่พาดผ่านไปทั่วทั้งบริเวณโถง เมื่อรวมกับการประดับประดับบริเวณฝ้าเพดานด้วยโคมรูปเปลือกหอยหลากสี ยิ่งดูสวยงาม เหมือนหลุดมาอยู่ในโลกใต้ทะเลเลยทีเดียว

บริเวณนี้มีการคุมโทนด้วยสีฟ้าน้ำเงิน ที่เป็นตัวแทนของทะเลได้อย่างลงตัว ด้วยวัสดุต่าง ๆ ที่ดูเข้ากันอย่างดี และเน้นสีขาวมากกว่าสีอื่น ทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย สามารถนั่งเล่นได้อย่างสบายใจเลยทีเดียว

พูดถึงในส่วนของการบริการกันบ้าง ที่นี่เช็คอินสะดวกรวดเร็วดี พนักงานให้บริการสุภาพและช่วยเหลืออย่างดี มีชากาแฟให้บริการที่โถงต้อนรับตลอดเวลา สิ่งที่ประทับใจมากคือ ถึงแม้ไม่ใช่แขกของทางโรงแรม แต่อยากชมบริเวณโถงเพื่อตัดสินใจ ก็ยังมีพนักงานคอยอธิบายตอบคำถามอย่างดี แสดงถึงความใส่ใจทุก ๆ คนได้เป็นอย่างดีทีเดียว ซึ่งชั้นโถงต้อนรับนี้ติดกับทางห้าง Terminal 21 เลยมีคนเดินต่อเข้ามาจากตัวห้างอยู่เรื่อย ๆ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะธีมโรงแรมก็เข้ากันกับตัวห้างที่มี Concept รวมสถานที่รอบโลกเอาไว้อยู่แล้ว

อารมณ์ตอนเดินเข้ามาที่โถงต้อนรับที่เหมือนเดินลงสู่ทะเลลึกอันน่าค้นหา

Waves & Wind RESTAURANT + CALIFORNIA


ห้องอาหาร Waves & Wind บริเวณชั้น F สูงขึ้นมาจากโถงต้อนรับ ที่ใช้เป็นห้องอาหารหลักของทางโรงแรม ที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากย่านฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ ของ California จากวัสดุและรูปแบบการตกแต่งที่เน้นออกให้เป็นย่านท่าเรือที่มีกลิ่นอายของตลาดทะเลท้องถิ่น แต่ก็แผงไว้ด้วยความทันสมัยและหรูหราเพิ่มเข้ามาอย่างลงตัว

ที่นี่ตั้งใจตกแต่งกับทุก ๆ ส่วน ตั้งแต่โถงก่อนเข้าห้องอาหาร ที่ใช้ฝูงปลากระโดดต้อนรับ เสมือนว่าเราได้ขึ้นมาจากใต้ทะเลสู่ผิวน้ำ ซึ่งก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ คือออกจากลิฟท์มาก็เหมือนขึ้นสู่พื้นดินเลย

ห้องอาหารที่นี่มีขนาดค่อนข้างกว้างขวาง รองรับคนได้มาก วันที่เราไป มีแขกเยอะพอสมควรก็ยังไม่รู้สึกว่าอึดอัด ยังคงเดินไปตักอาหารได้แบบสบาย ๆ

การใช้วัสดุตกแต่งใช้สีสว่าง จัดผังการวางอาหารต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เดินวนตักได้สบาย ๆ โดยครัวทั้งหมดของที่นี่เป็นครัวเปิดที่ทำอาหารสด ๆ ต่อหน้า มีข้อดีทั้งในเรื่องบรรยากาศที่ดูมีชีวิตชีวา และตัวเราเองในฐานะลูกค้าก็รู้สึกสบายใจที่ได้เห็นพ่อครัวทำอาหารต่าง ๆ ต่อหน้า ดูสะอาดปลอดภัย มีอนามัย

น่าเสียดายที่เราได้ลองแค่อาหารเช้าเท่านั้น แต่ก็น่าประทับใจในความหลากหลายของอาหาร เพราะมีมุมของทะเลที่มีทั้ง ปลาหมึก กุ้ง และปลา นำมาทำได้ทั้งสุกี้และก๋วยเตี๋ยว ส่วนมุมอาหารอื่น ๆ ก็มีจานเนื้อให้เลือกค่อนข้างมาก และค่อนข้างหลากหลายทั้งน้ำและอาหาร ถือว่าโดยรวมเป็นไลน์อาหารเช้าที่คุ้มค่ามากทีเดียว


ช่วงเวลาบริการของร้านอาหาร WAVES & WIND

อาหารเช้า
ทุกวัน : 06:00-10:30 น.

บริการอาหารเที่ยงและเย็น
ทุกวัน : 12:00-22:00 น.

บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดมื้อค่ำ
ทุกวันเสาร์ :ตั้งแต่ 18:00-22:00 น.

WATER PARK + FUTURE – SUNSET


ติดกับห้องอาหารเป็นบริเวณส่วนกลางของโรงแรม ซึ่งมีส่วนต่าง ๆ ให้บริการมากมาย แต่ที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดก็ไม่พ้นสวนน้ำลอยฟ้า อีกหนึ่งจุดขายเด่นของโรงแรมนั่นเอง

สวนน้ำที่นี่ถึงขนาดไม่ได้ใหญ่โตสุด ๆ แต่ก็มีจุดเด่นที่ชัดเจนและน่าสนใจ โดยเฉพาะบรรดาเครื่องเล่นต่าง ๆ ที่มาในธีมอนาคต ล้ำยุค ดูน่าตื่นตาตื่นใจมากโดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ น่าจะสนุกกับสไลเดอร์ทั้งสองแบบ รวมถึงเครื่องเล่นต่าง ๆ ที่หลากหลายและดูน่าสนุก นอกจากนี้ยังฉลาดที่ออกแบบพื้นที่ส่วนตัวมาให้สำหรับบางคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายด้วย โดยเรียกว่า Cabana เรียกว่าใครอยากนอนชิล ๆ สบาย ๆ แบบ Private ก็ทำได้

บริเวณใกล้ ๆ บาร์น้ำ ถูกออกแบบให้เป็นจุดว่ายน้ำชมพระอาทิตย์ตกที่ชิลที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเราจะเลือกแช่น้ำชมพระอาทิตย์ตกไป หรือจะเดินขึ้นบน SKY Bridge สะพานกระจกแห่งแรกของพัทยาที่ถูกทำเอาไว้เป็นจุดชมแบบพิฌศษก็ได้ โดยตัว SKywalk มีการใส่ลูกเล่นพื้นกระจกใสเอาไว้ด้วย เพิ่มความตื่นเต้นและพิเศษให้กับสะพานขึ้นมามาเลยทีเดียว


KID CLUB + CAPRI


ตอกย้ำสำหรับการรองรับครอบครัวด้วย KID CLUB สุดน่ารักที่มาในธีมทะเลสีสดใส เหมือนเติมจินตนาการให้เด็ก ๆ เสมือนได้ออกท่องทะเลไป โดยมีธีมมาจากเกาะ Capri ของอิตาลี ที่ทะเลสีน้ำเงินสดใสนั่นเอง

สิ่งอำนวยความสะดวกของเด็ก ๆ มีครบครัน น่านั่งเล่น ขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ก็ยังอดจะไปนั่งเล่นถ่ายรูปไม่ได้เลย


ที่นี่ เปิดบริการ ตั้งแต่ 08:00- 18:00 น. ทุกวัน กิจกรรมเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ติดต่อสอบถามได้ที่ประชาสัมพันธ์เลย

SEMINAR ROOM + PALAU


เนื่องจากเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ห้องจัดประชุมจึงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญของโรงแรม และที่นี่ก็ใช้ธีมของหมู่เกาะ PALAU ที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ที่นั่นโด่งดังในเรื่องของแมงกระพรุนมาก ๆ ทางโรงแรมจึงนำเอามาเป็นแนวคิดในการประดับตกแต่งห้องประชุมให้ดูมีชีวิตชีวาไม่น่าเบื่อ โดยติดแมงกระพรุนไว้ที่ฝ้าเพดาน ทั้งในห้องประชุมและส่วนพักรอนอกห้อง รวมถึงใช้ลายของพรมที่มีลวดลายเหมือนสายน้ำ ดูน่าสนใจและเพิ่มความ Relax ให้กับตัวห้องอีกด้วย

THE SKY 32 + BOLIVIA


ชั้นบนสุดของโรงแรม ถูกเนรมิตรให้เป็นห้องอาหาร roof top สุดโรแมนติคที่ต้องบอกว่ามี Gimmick ที่น่าสนใจหลาย ๆ อย่างเลยทีเดียว

เริ่มตั้งแต่ concept ของห้องอาหารที่นำเอาบ่อเกลือที่แสนโด่งดังที่ประเทศโบลิเวียเป็นแรงบันดาลใจ โดยจุดเด่นของบ่อเกลือนี้คือ ภาพสะท้อนที่เสมือนกระจก ทีมออกแบบจึงเลือกใช้วัสดุพื้นให้มีการเล่นเงาสะท้อนเหมือนกระจก ซึ่งก็ทำออกมาได้ดูสวยงามมากเลยทีเดียวทั้งเวลากลางวันและกลางคืน

ส่วนภายนอกมีการออกแบบส่วนกลางลานให้เปรียบเสมือนอัญมณีขนาดใหญ่ ท่ามกลางฟากฟ้าที่จะเปลี่ยนสีในทุกวินาทีของช่วงเย็น ตั้งแต่ฟ้า เหลือง ม่วง แดง น้ำเงิน ดำ เมื่อมองประกอบกับแสงไฟที่ตกแต่งมาอย่างพอเหมาะ กับแสงรำไรจากเมืองพัทยา ทำให้บรรยากาศบนนี้สุดจะบรรยายเลยทีเดียว

เราสามารถเดินออกไปเพื่อชื่ชมพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ตกลงผืนทะเลขนาดใหญ่ได้ทุกวัน หรือถ้าจะให้พิเศษกว่านั้น ขอแนะนำให้จองโต๊ะอาหารเพื่อ Dinner สุดพิเศษที่นี่ก็เข้าที ราคาอาหารไม่ได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับความเป็นโรงแรมและวิวที่สวยขนาดนี้ จานแนะนำขอเป็น หอยนางรม กับน้ำยาปูหมี่หุ้น รสชาติดี คุ้มราคา

ที่นี่สามารถนำเครื่องดื่มจากข้างนอกมาเปิดที่นี่ได้โดยไม่คิดค่าบริการด้วย ถือเป็นอีกจุดเด่นของ The sky 32 เลย เพราะข้างล่างโรงแรมเป็นห้าง Terminal 21 เราสามารถหาซื้อเครื่องดื่มได้แทบทุกชนิดและนำขึ้นมาดื่มได้เลย


ROOM + AURORA


มาถึงส่วนของห้องพักกันบ้าง ที่นี่มีขนาดห้องพักตั้งแต่ 34 ตารางเมตร สำหรับห้อง Deluxe ไปจนถึง 98 ตารางเมตร สำหรับห้อง 2 Bedroom panoramic suite ขนาดห้องที่ให้มาก็ถือว่าสมเหมาะ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป สิ่งอำนวยความสะดวกถือเป็นอีกหนึ่งจุดดึงดูดของที่นี่ เพราะห้องน้ำเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด

concept ของห้องพักคือ ออโรร่าและแสงดาว มีการเล่นแสงสีของห้องให้เสมือนอยู่ในบรรยากาศแสงเหนือจริง ๆ สีจะออกฟ้า เขียว โรแมนติคไปอีกแบบ บนฝ้าเพดานมีการใส่ใส่เป็นแสงดาวระยิบระยับ เพิ่มความพิเศษเข้าไปอีก ยิ่งถ้าได้อยู่ชั้นบน ๆ แล้วเปิดหน้าต่างออกไป เราจะเห็นวิวทะเลและเมืองพัทยาที่สวยงามสุด ๆ ไปเลยทุกห้อง

โดยรวมธีมออโรร่าดูน่าสนใจ การใช้สีสันก็บ่งบอกถึงธีมที่คิดมาได้อย่างดี การจัดวางเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบเรียบง่าย เน้นการใช้งานจริง ชุดที่นอนถือว่านอนสบาย ( ปกติเป็นคนปวดหลังบ่อย แต่นอนที่นี่ไม่ปวด )

LOCATION


อย่างที่บอกไปว่า ที่นี่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางของพัทยาเหนือ ทำให้โลเคชั่นเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งของโรงแรม ยิ่งมีศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่อย่าง Terminal 21 ตั้งอยู่ด้านล่างด้วยแล้ว ความน่าสนใจก็ยิ่งมากขึ้น คะแนนในด้าน Location เอาไป 10/10 เลย

โดยสรุปแล้ว Grande centre point พัทยา เป็นโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน มีธีมที่น่าสนใจ ทำให้เรารู้สึกสนุกกับการเข้าไปใช้บริการส่วนต่าง ๆ ของโรงแรมได้อย่างลงตัว เมื่อบวกกับ Location ที่ดีมาก ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกรอบข้างที่เรียกได้ว่า หาดีกว่านี้ไม่ได้แล้วอย่าง Terminal21 ทำให้เหมาะสมมากสำหรับเป็นโรงแรมตัวเลือกของครอบครัวที่จะมาพักผ่อนเสาร์ – อาทิตย์ ไม่ไกลจากกรุงเทพ เด็ก ๆ ก็สนุกสนาน พ่อแม่ก็มีกิจกรรมอะไรให้ทำมากมาย

Credit ภาพทุกรูปเป็นของ Travel Kanuman
อ่านบทความอื่นจาก Travel Kanuman